ในการทำการตลาดออนไลน์หรือสื่อสารดิจิทัล การแยกประเภทสื่อเหล่านี้ให้ออกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญ

ในการทำการตลาดออนไลน์หรือสื่อสารดิจิทัล การแยกประเภทสื่อเหล่านี้ให้ออกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เพราะแต่ละชนิดมีวัตถุประสงค์และรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไป ลองดูความแตกต่างของ เพจ (Page), เว็บไซต์ (Website), และ เซลเพจ (Sales Page) ดังนี้ครับ:

ประเภทของสื่อดิจิทัล: เพจ, เว็บไซต์, และเซลเพจ

1. เพจ (Page)

โดยทั่วไปคำว่า "เพจ" ในบริบทดิจิทัลมักหมายถึง:

* หน้าเดียว (Single Page): เป็นเพียงหน้าหน้าเดียวในโลกออนไลน์ เช่น หน้าหนึ่งหน้าใดในเว็บไซต์, หน้า "เกี่ยวกับเรา", หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ:

* หน้าโซเชียลมีเดีย (Social Media Page):

* วัตถุประสงค์หลัก: สร้างการรับรู้, สร้างชุมชน, สร้างปฏิสัมพันธ์, อัปเดตข้อมูล และใช้เป็นช่องทางสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

* ตัวอย่าง: Facebook Page (เป็นที่นิยมที่สุดในไทย), Instagram Profile, Line Official Account (OA) หรือ Twitter/X Profile

* คุณสมบัติเด่น: มีฟังก์ชันสำหรับการ แชร์, คอมเมนต์, กดไลค์ และมี อัลกอริทึม ที่ควบคุมการมองเห็น

2. เว็บไซต์ (Website)

เว็บไซต์คือกลุ่มของหน้าเว็บ (Pages) ที่เชื่อมโยงกันภายใต้ชื่อโดเมน (Domain Name) เดียวกัน:

* วัตถุประสงค์หลัก: เป็นศูนย์รวมข้อมูลอย่างเป็นทางการ, สร้างความน่าเชื่อถือ, ให้ข้อมูลเชิงลึก, และใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ (เช่น E-commerce, Blog, Company Profile)

* โครงสร้าง: มีหลายหน้า (Home Page, About Us, Services, Contact Us, Blog)

* การควบคุม: ผู้ประกอบการควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่รูปลักษณ์, ฟังก์ชัน, เนื้อหา, และข้อมูลลูกค้าเองทั้งหมด (เป็น "บ้านของตัวเอง")

* ตัวอย่าง: เว็บไซต์บริษัท, เว็บไซต์ข่าว, เว็บไซต์ขายของ (E-commerce), บล็อกส่วนตัว

3. เซลเพจ (Sales Page / Landing Page)

เซลเพจ (หรือเรียกอีกอย่างว่า หน้าแลนดิ้งเพจ (Landing Page)) คือหน้าเว็บเดียวที่ออกแบบมาเพื่อ กระตุ้นให้เกิดการกระทำใดการกระทำหนึ่งโดยเฉพาะ:

* วัตถุประสงค์หลัก: ปิดการขาย, เก็บข้อมูลลูกค้า (Lead Generation), หรือให้ลูกค้าลงทะเบียน

* โครงสร้าง: มักเป็น หน้าเดียวที่ยาวต่อเนื่อง (Long-form) โดยมีเนื้อหาที่เน้นการนำเสนอ จุดเด่น, ประโยชน์, รีวิว, และข้อเสนอ อย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

* คุณสมบัติเด่น:

* ไม่มีเมนูนำทาง (เพื่อไม่ให้ลูกค้าหลุดออกจากหน้า)

* มี Call to Action (CTA) เช่น ปุ่ม "สั่งซื้อเลย", "ลงทะเบียนรับส่วนลด"

* มักใช้สำหรับ แคมเปญโฆษณา โดยเฉพาะ

* เน้นการโน้มน้าวใจ (Persuasion) สูงมาก

สรุปความแตกต่างหลักในภาพรวม